บานประตูไม้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและความปลอดภัยให้กับบ้าน การเลือกประตูไม้ที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลให้เกิดปัญหาในระยะยาว ทั้งเรื่องความทนทาน การบำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ ดังนั้น การทำความเข้าใจปัจจัยสำคัญในการเลือกบานประตูไม้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม
ปัจจัยพื้นฐานในการเลือกบานประตูไม้
1.ตำแหน่งการติดตั้ง การเลือกบานประตูไม้ต้องเริ่มจากการพิจารณาตำแหน่งติดตั้งเป็นอันดับแรก โดยแบ่งเป็น:
- ภายในอาคาร: เน้นความสวยงามและการใช้งานทั่วไป ไม่จำเป็นต้องทนทานต่อสภาพอากาศมากนัก
- ภายนอกอาคาร: ต้องทนต่อแดด ฝน และความชื้น จึงต้องเลือกไม้ที่มีความทนทานสูงเป็นพิเศษ
2.สภาพแวดล้อมและการใช้งาน ต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้:
- ความถี่ในการใช้งาน
- การสัมผัสกับความชื้น
- การโดนแดดโดยตรง
- ความเสี่ยงต่อการโดนแมลงกัดกิน
3.งบประมาณและความคุ้มค่า การลงทุนกับบานประตูไม้ควรคำนึงถึง:
- ราคาเริ่มต้นของไม้แต่ละประเภท
- ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
- อายุการใช้งานโดยเฉลี่ย
- ความคุ้มค่าในระยะยาว
4.การออกแบบและความสวยงาม ต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับ:
- สไตล์การตกแต่งบ้านโดยรวม
- สีและลวดลายของไม้
- รูปแบบการติดตั้งอุปกรณ์เสริม
- ความเข้ากันได้กับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ

ชนิดของไม้ที่เหมาะสำหรับทำประตู
สำหรับภายในอาคาร
- ไม้สะเดา: เหมาะสำหรับงานภายใน มีสีขาวอมชมพู ราคาย่อมเยา ปลวกมอดไม่กิน
- ไม้ตะแบก: หลังอบไม้แห้งสนิทจะไม่บิดงอ สีไม้ออกอมเทาไม่ค่อยสม่ำเสมอ เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ราคาไม่สูงมาก
- ไม้มะค่า: แข็งแรงทนทาน มีสีส้มอมแดงสวยงาม เหมาะกับงานทั้งภายในและภายนอก
- ไม้สักทองพม่า: สีออกน้ำตาลทอง ลายไม้ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ คุณภาพสูง ทนทานต่อสภาพอากาศ ปลวกไม่กิน
- ไม้โอ๊ค: เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีลายชัดคล้ายไม้สัก แต่สีออกโทนขาว เหลือง เหมาะกับบานสไตล์นอดิกและไสตล์มินิมอล
สำหรับภายนอกอาคาร
- ไม้ตะแบก: หลังอบไม้แห้งสนิทจะไม่บิดงอ สีไม้ออกอมเทาไม่ค่อยสม่ำเสมอ ราคาไม่สูงมาก
- ไม้มะค่า: แข็งแรงทนทาน มีสีส้มอมแดงสวยงาม เหมาะกับงานทั้งภายในและภายนอก
- ไม้สักทองพม่า: สีออกน้ำตาลทอง ลายไม้ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ คุณภาพสูง ทนทานต่อสภาพอากาศ ปลวกไม่กิน
เทคนิคการเลือกบานประตูไม้ให้ทนทาน
หลายคนมักประสบปัญหาบานประตูไม้เสียหายเร็วกว่าที่ควร ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเลือกไม้ที่ไม่ได้มาตรฐาน ผู้เชี่ยวชาญด้านงานไม้แนะนำจุดสำคัญที่ต้องตรวจสอบก่อนเลือกซื้อ ดังนี้
1.ความหนาของไม้ต้องได้มาตรฐาน
- ความหนาไม่ควรต่ำกว่า 3.3 เซนติเมตร สำหรับประตูทั่วไป
- ประตูภายนอกควรหนา 3.3-4.5 เซนติเมตร เพื่อความแข็งแรงเป็นพิเศษ และเหมาะสมกับอุปกรณ์ประตูที่เลือกใช้
2.การตรวจเช็คคุณภาพไม้
- รอยต่อต้องสนิท ไม่มีช่องว่าง
- ไม้ไม่มีติดไส้ ตาดพ และแผลไม้
3.กระบวนการอบและบ่มไม้
- ไม้ต้องผ่านการอบที่อุณหภูมิเหมาะสม
- ความชื้นในเนื้อไม้ต้องไม่เกิน 12%
- เนื้อไม้ต้องไม่บิดงอหรือโก่ง
4.การเคลือบผิวและป้องกันปลวก
- ต้องเลือกไม้ที่ปลวกมอดไม่กินเพื่อป้องกันการใช้สารเคมี
- การเคลือบผิวต้องทั่วถึงทุกส่วน
- เลือกชนิดของแล็คเกอร์/สีสูตรน้ำ ให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน
- ภายในอาคาร: ควรใช้แล็กเกอร์ เพื่อความเรียบเนียนและความสวยงาม
- ภายนอกอาคาร: ควรใช้สีสูตรน้ำเคลือบเพื่อความคงทนต่อแสงแดดและฝน
- ตรวจสอบการรับประกันคุณภาพจากผู้ผลิต
เคล็ดลับเพิ่มเติม: ควรสังเกตการเก็บรักษาไม้ของร้านค้าด้วย ร้านที่มีมาตรฐานจะมีการจัดเก็บไม้ในที่ร่ม อากาศถ่ายเทดี และมีการจัดวางที่เหมาะสม ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพของสินค้าที่คุณจะได้รับ
การดูแลรักษาบานประตูไม้
บานประตูไม้เป็นเหมือนหน้าตาของบ้านที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าไม้จะเป็นวัสดุที่ทนทาน แต่การดูแลที่ถูกวิธีจะช่วยให้ประตูของคุณสวยงามและใช้งานได้ยาวนานขึ้น ด้วยเทคนิคการดูแลรักษาง่ายๆ ต่อไปนี้ จะช่วยให้บานประตูไม้ของคุณคงความสวยงามและแข็งแรงได้นานนับสิบปี
- ทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ เป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไป
- เคลือบผิวใหม่ทุก 4-5 ปี
- ตรวจสอบและซ่อมแซมความเสียหายทันทีที่พบ
เลือกบานประตูไม้อย่างมืออาชีพ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
บานประตูไม้เป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะอยู่คู่บ้านคุณไปอีกนาน การเลือกอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยต้องพิจารณาให้ครบทุกมิติ ทั้งตำแหน่งการติดตั้ง สภาพแวดล้อม การใช้งาน และงบประมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้บานประตูไม้ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง มีความสวยงาม และคุ้มค่าในระยะยาว
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านงานไม้ฟรี! ทีมงานมืออาชีพของเราพร้อมให้คำแนะนำเพื่อช่วยคุณเลือกบานประตูไม้ที่เหมาะกับบ้านคุณที่สุด
- โทร: 062-535-4629 หรือ 083-994-0676
- Line: @candndesign

ลูกค้ามักดูสินค้านี้เพิ่มเติม