การเลือกไม้พื้นให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการเลือกไม้พื้นที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ทั้งการบวม แตกร้าว หรือผุกร่อนก่อนเวลาอันควร การเลือกไม้พื้นที่ถูกต้องจะช่วยให้บ้านของคุณสวยงาม คงทน และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ทำความรู้จักประเภทของไม้พื้น
ไม้พื้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ ไม้พื้นรางลิ้นและไม้ปาร์เก้ โดยความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ขนาดความยาว ไม้ปาร์เก้จะมีความยาวไม่เกิน 60 เซนติเมตร ในขณะที่ไม้รางลิ้นจะมีความยาวมากกว่า 60 เซนติเมตรขึ้นไป ไม้พื้นรางลิ้นเหมาะสำหรับพื้นที่กว้าง ติดตั้งง่าย และรวดเร็ว ส่วนไม้ปาร์เก้เหมาะกับการสร้างลวดลาย และการปูในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กถึงปานกลาง
การเลือกไม้พื้นสำหรับภายในอาคาร
สำหรับการใช้งานภายในอาคาร การเลือกไม้พื้นที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากไม้แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านความแข็งแรง การทนปลวก และราคา การเลือกไม้พื้นสำหรับภายในอาคารควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ความชื้นในพื้นที่ การรับน้ำหนัก และการใช้งานในแต่ละห้อง เพื่อให้ได้ไม้พื้นที่มีอายุการใช้งานยาวนานและคุ้มค่ากับการลงทุน โดยมีไม้หลายชนิดที่เหมาะสม ได้แก่
- ไม้สักทองพม่า: มีความเสถียรสูง เนื้อเหนียว ทนปลวก สีน้ำตาลทอลสวยเป็นธรรมชาติ ลายไม้ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์
- ไม้มะค่า: เนื้อแข็ง มีลายไม้สวยงาม สีออกส้มแมแดง มีลายไม้สวยชัดเจน ทนทานต่อการใช้งาน
- ไม้แดง: แข็งแรงทนทาน ทนปลวก เหมาะกับพื้นที่รับน้ำหนักได้มาก มีสีแดงอมน้ำตาล
- ไม้ตะแบก: เนื้อแข็งปานกลาง ราคาไม่สูงมาก สีออกขาวอมเทา เหมาะสำหรับงบประมาณจำกัด
- ไม้โอ๊ค: เป็นไม้เนื้อแข็งนำเข้าจากอเมริกาและยุโรป มีลายไม้ชัดเจนคล้ายไม้สัก สีออกขาวอมเหลือง ราคาค่อนข้างสูง
- ไม้แอช: เป็นไม้เนื้อแข็งนำเข้าจากอเมริกาและยุโรป มีลายไม้ชัดและลายเส้นค่อนข้างใหญ่ สีออกขาวอมเหลือง ราคาปานกลาง

การเลือกไม้พื้นสำหรับภายนอกอาคาร
สำหรับพื้นที่ภายนอก ต้องเลือกไม้ที่ทนทานต่อสภาพอากาศเป็นพิเศษ แนะนำ
- ไม้เต็งลาว: ทนทานต่อสภาพอากาศ ไม่บิดงอง่าย แต่จะมีริ้วรอยการแตกลายงาที่หน้าไม้เล็กน้อย ราคาย่อมเยา-ปานกลาง
- ไม้แดง: ทนทานต่อสภาพอากาศ ไม่บิดงอง่าย สีแดงอมน้ำตาล ราคาปานกลาง
- ไม้มะค่า: เหมาะกับงานภายนอก ทนแดดทนฝน สีออกส้มอมแดง ราคาปานกลาง-สูง
- ไม้สักทองพม่า: มีความเสถียรสูง เนื้อเหนียว ทนปลวก สีน้ำตาลทอลสวยเป็นธรรมชาติ ลายไม้ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับสภาพอากาศแปรปรวน ราคาค่อนข้างสูง แต่อายุการใช้งานยาวนาน
เทคนิคการติดตั้งไม้พื้นให้ทนทาน
- สำหรับไม้สั้นไม่เกิน 1.2 เมตร การติดตั้งที่ถูกต้องเริ่มจากการเตรียมพื้นผิว พื้นปูนต้องแห้งสนิท แข็งแรงไม้แตกร่อนหรือเป็นเม็ดทราย ได้ระดับเท่ากันทั้งผืน และควรมีการวัดความชื้นก่อนการติดตั้ง ควรเลือกใช้กาว PU ในการติดตั้งพื้นไม้เพื่อตัดปัญหาเรื่องความชื้นออก โดยเฉพาะกับไม้ที่มีการขยายตัวสูง เช่น ไม้แดง ต้องเว้นระยะห่างจากผนัง 5-10 มิลลิเมตรเพื่อให้ไม้มีพื้นที่ในการขยายตัว
- สำหรับไม้ที่ยาวเกิน 1.2 เมตร แนะนำให้ปูสมาร์ทบอร์ด 10 มม รองพื้นก่อนเพื่อปรับระดับให้ผิวเรียบเสมอกัน อีกทั้งยังช่วยให้ช่างที่ติดตั้งยิงตะปูยึดข้างไม้เข้ากับผิวสมาร์ดบอร์ดเพิ่มความแข็งแรงให้กับงานพื้นได้อีก 1 ระดับ ควรเลือกใช้กาว PU ในการติดตั้งพื้นไม้เพื่อตัดปัญหาเรื่องความชื้นออก
- สำหรับไม้ที่ยาวเกิน 1.2 เมตร อีกวิธีที่แนะนำและแข็งแรงมากคือการปูตงไม้แล้วเทปูนทับหลัง เพื่อปรับระดับให้ผิวเรียบเสมอกัน อีกทั้งยังช่วยให้ช่างที่ติดตั้งยิงตะปูยึดข้างไม้เข้ากับตงไม้ได้ดีมากเพิ่มความแข็งแรงให้กับงานพื้นได้ดี ควรเลือกใช้กาว PU ในการติดตั้งพื้นไม้เพื่อตัดปัญหาเรื่องความชื้นออก
การดูแลรักษาไม้พื้นให้อยู่ได้นาน
การดูแลประจำวันควรทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมาก ควรขัดและเคลือบผิวทุก 5-10 ปี หรือเมื่อสีเริ่มซีดจาง หากมีรอยขีดข่วนควรรีบซ่อมแซมเพื่อป้องกันความชื้นซึม
ข้อควรระวังและปัญหาที่พบบ่อย
การติดตั้งไม้พื้นมักพบปัญหาที่สร้างความเสียหายในระยะยาว โดยปัญหาหลักๆ ที่ต้องระวังมีดังนี้
1.ปัญหาความชื้น
- ความชื้นจากพื้นปูน: ควรตรวจสอบความชื้นของพื้นปูนก่อนติดตั้ง โดยค่าความชื้นไม่ควรเกิน 14%
- ความชื้นสะสมใต้พื้น: ควรติดตั้งระบบระบายอากาศที่ดี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยกสูง
- น้ำรั่วซึม: ตรวจสอบการรั่วซึมของท่อน้ำและหลังคาอย่างสม่ำเสมอ
- การทำความสะอาด: หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไปในการทำความสะอาด
2.ปัญหาปลวกและมอด
- การตรวจสอบ: ควรมีการตรวจสอบปลวกทุก 6 เดือน
- การป้องกัน: ติดตั้งระบบป้องกันปลวกก่อนการปูพื้น
- จุดเสี่ยง: ระวังบริเวณที่มีไม้สัมผัสกับพื้นดินหรือผนังชื้น
3.ปัญหาการยืดหดตัวของไม้
- เว้นระยะขอบ: ต้องเว้นระยะห่างจากผนัง 5-10 มิลลิเมตร
- การวางเฟอร์นิเจอร์: หลีกเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์ชิดผนังเกินไป เพื่อให้ไม้มีพื้นที่ขยายตัว
- ช่องระบายอากาศ: ควรมีช่องระบายอากาศที่เพียงพอเพื่อป้องกันการสะสมของความชื้น
4.ปัญหาการสึกหรอ
- รองขาเฟอร์นิเจอร์: ใช้แผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์เพื่อป้องกันรอยขูดขีด
- การขนย้าย: ระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์หนัก
- การดูแลผิวหน้า: ทำการขัดและเคลือบผิวตามระยะเวลาที่เหมาะสม
การป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยยืดอายุการใช้งานของไม้พื้นและรักษาความสวยงามได้ยาวนาน ควรมีการตรวจสอบสภาพไม้พื้นอย่างสม่ำเสมอและแก้ไขปัญหาทันทีเมื่อพบความผิดปกติ
เลือกไม้พื้นอย่างมืออาชีพ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
ไม้พื้นเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะอยู่คู่บ้านคุณไปอีกนาน การเลือกอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยต้องพิจารณาให้ครบทุกมิติ ทั้งพื้นที่การใช้งาน สภาพแวดล้อม การรับน้ำหนัก และงบประมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ไม้พื้นที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง มีความสวยงาม และคุ้มค่าในระยะยาว
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านงานไม้ฟรี! ทีมงานมืออาชีพของเราพร้อมให้คำแนะนำเพื่อช่วยคุณเลือกไม้พื้นที่เหมาะกับบ้านคุณที่สุด
- โทร: 062-535-4629 หรือ 083-994-0676
- Line: @candndesign

ลูกค้ามักดูสินค้านี้เพิ่มเติม