3 ความเสียหายร้ายแรงเมื่อเลือกไม้พื้นบันไดผิด และวิธีหลีกเลี่ยง

         หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญของการเลือกไม้พื้นบันไดที่เหมาะสม ทั้งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัย ความสวยงาม และค่าใช้จ่ายในระยะยาว มาดูกันว่าความเสียหายร้ายแรง 3 ประการที่อาจเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง และเราจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร

1. ความเสียหายด้านโครงสร้าง

การบิดงอและหดตัวของไม้ผิดประเภท

         หัวใจหลักของงานไม้ทุกชนิดคือการเลือกใช้ไม้ที่อบแห้ง มีความชื้นรวมอยู่ไม่เกิน 14-17% ซึ่งจะแก้ปัญหาที่ไม้จะค่อยๆคลายความชื้นออกหลังติดตั้งจนทำให้เกิดการแปรสภาพเช่นการห่อตัว การบิดตัว การโก่งตัวได้
ดังนั้นการติดตั้งเจ้าของงานควรตรวจเช็คความชื้นของไม้ให้แน่ใจก่อน หรือเลือกใช้ไม้จากบริษัทที่มีโรงอบไม้ของตัวเองเพื่อมั่นใจได้ว่า ไม้พื้นบันไดทุกชิ้นที่จัดส่ง ผ่านการอบแห้งได้มาตรฐานทุกตัว

การผุพังและถูกทำลายโดยปลวกมอด

         ไม้บางประเภทเช่นไม้ยางพารา หรือไม้สักเหนือมักถูกปลวกและมอดทำลายได้ง่าย ซึ่งนอกจากจะทำให้โครงสร้างเสียหายแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผู้อาศัยอีกด้วย

         ไม้เนื้อแข็งอย่างไม้สักทองพม่า ไม้มะค่า ไม้แดง ไม้ตะแบก ไม้เต็ง และไม้สะเดามีคุณสมบัติต้านทานปลวกและมอดได้ดี มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 20-30 ปี เมื่อเทียบกับไม้เนื้อที่กล่าวไปก่อนหน้าที่มีอายุการใช้งานเพียง 5-7 ปีเท่านั้น

2. ปัญหาความปลอดภัยและอุบัติเหตุ

พื้นลื่นและการลื่นล้ม

         สถิติจากกรมควบคุมโรคพบว่า 45% ของอุบัติเหตุในบ้านเกิดจากการลื่นล้มบนบันได โดยกลุ่มเสี่ยงหลักคือผู้สูงอายุและเด็ก ไม้ที่มีผิวเรียบเกินไปเช่นไม้ผิวแบนที่ทาเคลือบมากเกินไปจะทำให้พื้นผิวลื่น โดยเฉพาะเมื่อโดนน้ำ

         สำหรับบันไดควรเลือกทำสีเคลือบไม้พื้นบันไดที่มีผิวสัมผัสที่เหมาะสมให้มีผิวสัมผัสที่ปลอดภัย หรือการเพิ่มแถบกันลื่นบริเวณขอบบันได

ความไม่แข็งแรงทนทาน

         บันไดในบ้านเฉลี่ยต้องรับน้ำหนักประมาณ 150-300 กก./ตร.ม. ไม้พื้นบันไดที่ไม่แข็งแรงพอจะทำให้เกิดเสียงลั่นเวลาเดิน หรือในกรณีร้ายแรงอาจเกิดการหักพังได้

         ไม้เนื้อแข็งอย่างไม้มะค่าและไม้เต็งมีความทนทานต่อแรงกระแทกสูง สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า 400 กก./ตร.ม. เหมาะสำหรับบันไดที่มีการใช้งานหนัก

3. ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและเปลี่ยนใหม่

ต้นทุนซ่อนเร้นจากการเลือกไม้ราคาถูกคุณภาพต่ำ

         กรณีศึกษาของคนที่เลือกใช้ไม้ราคาถูกเพราะต้องการประหยัดงบประมาณ แต่หลังจากผ่านไป 3 ปี ต้องเสียค่าซ่อมแซมและเปลี่ยนใหม่-ขั้นต่ำรวมกว่า 80,000 บาท ทั้งที่หากเลือกไม้คุณภาพดีตั้งแต่แรกจะเสียค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเพียง 80,000 บาทเท่านั้น

         เมื่อคำนวณในระยะยาว การลงทุนกับไม้คุณภาพดีตั้งแต่ต้นจะคุ้มค่ากว่าการเลือกไม้ราคาถูกแล้วต้องมาซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ในภายหลัง

ความถี่ในการบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง

        ไม้คุณภาพสูงอย่างไม้สักทองพม่าและไม้มะค่าอาจมีราคาสูงกว่าในตอนแรก แต่ต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่า และมีค่าใช้จ่ายระยะยาวที่ต่ำกว่า