ระแนงไม้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการตกแต่งที่อยู่อาศัยทั้งภายในและภายนอกอาคาร นอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังมีประโยชน์ในการบังแดด สร้างความเป็นส่วนตัว และเพิ่มมิติให้กับพื้นที่ แต่การเลือกใช้ระแนงไม้ให้เหมาะสมกับพื้นที่นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันระหว่างภายในและภายนอกอาคาร ส่งผลต่อการเลือกชนิดไม้และวิธีการติดตั้งที่แตกต่างกัน
ทำความรู้จักกับระแนงไม้
ระแนงไม้ คือ แผ่นไม้ที่ถูกตัดให้มีขนาดเท่าๆ กัน นำมาติดตั้งเรียงกันเป็นช่องๆ โดยมีระยะห่างที่สม่ำเสมอ สามารถติดตั้งได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ประโยชน์หลักของระแนงไม้คือการสร้างความเป็นส่วนตัว บังแสงแดด และเพิ่มความสวยงามให้กับอาคาร นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการระบายอากาศ และสร้างบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติให้กับพื้นที่
ระแนงไม้สำหรับภายนอกอาคาร
การเลือกระแนงไม้สำหรับภายนอกอาคารต้องคำนึงถึงความทนทานต่อสภาพอากาศเป็นหลัก ไม้ที่เหมาะสมได้แก่
- ไม้สักทองพม่า: มีความทนทานสูง ทนปลวก เหมาะกับงานภายนอก
- ไม้แดง: แข็งแรง ทนทานต่อสภาพอากาศ
- ไม้มะค่า: เนื้อไม้แข็ง ทนทานต่อแดดและฝน
- ไม้ตะแบก: ราคาไม่สูงมาก ทนทานพอสมควร
สำหรับงานภายนอก ควรเลือกไม้ที่ผ่านการอบและทำการเคลือบผิวด้วยน้ำยารักษาเนื้อไม้โดยเฉพาะ
ระแนงไม้สำหรับภายในอาคาร
สำหรับงานภายใน การเลือกไม้จะเน้นที่ความสวยงามของลายไม้และสีสันเป็นหลัก เพราะไม่ต้องทนต่อสภาพอากาศภายนอก ไม้ที่นิยมใช้ได้แก่:
- ไม้สักทองพม่า: มีความทนทานสูง ทนปลวก เหมาะกับงานภายนอก
- ไม้แดง: แข็งแรง ทนทานต่อสภาพอากาศ
- ไม้มะค่า: เนื้อไม้แข็ง ทนทานต่อแดดและฝน
- ไม้ตะแบก: ราคาไม่สูงมาก ทนทานพอสมควร
- ไม้สะเดา: สีอ่อน ราคาย่อมเยา ปลวกมอดไม่กิน
- ไม้สน: ราคาประหยัด มีลายไม้สวยงาม
- ไม้โอ๊ค: ให้ความรู้สึกหรูหรา เหมาะกับงานตกแต่ง
เทคนิคการติดตั้งระแนงไม้
การติดตั้งที่ถูกต้องเริ่มจากการวางแผนและการเตรียมพื้นที่ ควรเว้นระยะห่างระหว่างแผ่นไม้ให้เหมาะสม โดยทั่วไปประมาณ 5-10 เซนติเมตร และต้องมั่นใจว่าโครงสร้างที่จะติดตั้งมีความแข็งแรงเพียงพอ อุปกรณ์ที่จำเป็นประกอบด้วย สว่าน ตะปูเกลียว และเครื่องมือวัดระดับ
การดูแลรักษาระแนงไม้
การดูแลรักษาระแนงไม้ภายนอกต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ควรทาน้ำยาป้องกันปลวกและเชื้อราทุก 6-12 เดือน สำหรับระแนงไม้ภายใน การดูแลจะง่ายกว่า เพียงทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ และเคลือบผิวใหม่เมื่อสีซีดจาง

ปัญหาที่พบบ่อยและวิธีแก้ไข
1.การบิดงอของไม้
- สาเหตุ: ความชื้นสูง การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกะทันหัน และการติดตั้งที่ไม่ถูกวิธี
- วิธีป้องกัน:
- เลือกไม้ที่ผ่านการอบได้มาตรฐาน ความชื้นไม่เกิน 12%
- ติดตั้งโครงสร้างให้แข็งแรง เว้นระยะห่างที่เหมาะสม
- ทายาเคลือบผิวไม้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้ทั่ว
2.การผุกร่อน
- สาเหตุ: การสัมผัสความชื้นสูง น้ำขัง และการขาดการดูแล
- วิธีป้องกัน:
- เลือกไม้ที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศ เช่น ไม้สัก ไม้แดง
- ทาน้ำยารักษาเนื้อไม้ทุก 6-12 เดือน
- ออกแบบให้น้ำไม่ขัง มีการระบายน้ำที่ดี
3.การเกิดเชื้อรา
- สาเหตุ: ความชื้นสะสม การระบายอากาศไม่ดี
- วิธีป้องกัน:
- ติดตั้งให้มีช่องว่างระบายอากาศเพียงพอ
- ทาน้ำยาป้องกันเชื้อราโดยเฉพาะ
- หมั่นทำความสะอาดและตรวจสอบสภาพไม้
4.ปลวกและแมลง
- สาเหตุ: ไม้ไม่ผ่านการอบ ขาดการป้องกันที่ดี
- วิธีป้องกัน:
- เลือกไม้ที่มีคุณสมบัติต้านทานปลวกโดยธรรมชาติ
- ทาน้ำยาป้องกันปลวกแบบซึมลึก
- ตรวจสอบและกำจัดรังปลวกบริเวณใกล้เคียง
5.สีซีดจาง
- สาเหตุ: การโดนแดดจัด ขาดการดูแลรักษา
- วิธีป้องกัน:
- ใช้สีย้อมไม้คุณภาพสูง กันยูวี
- ทาสีเคลือบผิวให้ทั่วทุกด้าน
- ทำการเคลือบผิวซ้ำเมื่อเห็นว่าสีเริ่มซีดจาง
การป้องกันปัญหาเหล่านี้ควรเริ่มตั้งแต่การเลือกวัสดุที่มีคุณภาพ การติดตั้งที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม และการวางแผนการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของระแนงไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
งบประมาณและการเลือกซื้อ
ราคาระแนงไม้จะแตกต่างกันตามชนิดของไม้ โดยไม้สักจะมีราคาสูงที่สุด รองลงมาคือไม้มะค่าและไม้แดง ส่วนไม้สนจะมีราคาประหยัดที่สุด ควรเลือกซื้อจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือและมีใบรับรองคุณภาพไม้
เลือกระแนงไม้อย่างมืออาชีพ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
ระแนงไม้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะอยู่คู่บ้านคุณไปอีกนาน การเลือกอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยต้องพิจารณาให้ครบทุกมิติ ทั้งประเภทของงาน สภาพแวดล้อม คุณภาพไม้ และงบประมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ระแนงไม้ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง มีความสวยงาม และคุ้มค่าในระยะยาว
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านงานไม้ฟรี! ทีมงานมืออาชีพของเราพร้อมให้คำแนะนำเพื่อช่วยคุณเลือกระแนงไม้ที่เหมาะกับบ้านคุณที่สุด
- โทร: 062-535-4629 หรือ 083-994-0676
- Line: @candndesign

ลูกค้ามักดูสินค้านี้เพิ่มเติม