ไม้เนื้อแข็งในไทย

ไม้เนื้อแข็งในไทย 7 ชนิดยอดนิยม แข็งแรงทนทาน คุ้มค่าการลงทุน

ไม้เนื้อแข็งในไทยมีความหลากหลายและคุณภาพที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ด้วยสภาพภูมิอากาศเขตร้อนที่เหมาะสม ทำให้ไม้เนื้อแข็งไทยมีคุณสมบัติพิเศษที่เหนือกว่าไม้นำเข้า จากประสบการณ์ C&N Design ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านไม้ไทยมากกว่า 20 ปี 

  เราได้คัดเลือกไม้เนื้อแข็งไทย 7 ชนิดยอดนิยมที่มีความแข็งแรงทนทาน และคุ้มค่าการลงทุน ไม้เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการในการก่อสร้างและตกแต่ง แต่ยังเป็นการสนับสนุนไม้ท้องถิ่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทำไมต้องเลือกไม้เนื้อแข็งไทย?

  ไม้เนื้อแข็งในไทยมีข้อได้เปรียบเหนือไม้นำเข้าอย่างชัดเจน เนื่องจากเติบโตในสภาพอากาศเขตร้อนเช่นเดียวกับสภาพแวดล้อมที่จะนำไปใช้งาน จึงมีปัญหาการหดตัว บิดโก่ง หรือแตกร้าวน้อยกว่าไม้นำเข้า 95% ของไม้เนื้อแข็งไทยเป็นไม้ที่ปลวกมอดไม่กิน ทนต่อแรงกระแทกและการใช้งานหนัก มีความคงทนในสภาพอากาศเขตร้อน และมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 15-25 ปี

ไม้เนื้อแข็งไทย 7 ชนิดยอดนิยม

1. ไม้สักทองพม่า – ราชาแห่งไม้เนื้อแข็งไทย

  ไม้สักแท้ ต้องไม้สักทองพม่าเท่านั้น ซึ่งถือเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีคุณสมบัติเป็นไม้เนื้อเหนียว มีความเสถียรสูง สีออกน้ำตาลทองสวยงาม สามารถย้อมสีธรรมชาติหรือย้อมเข้มได้ มีลายไม้ชัดเจน และสำคัญที่สุดคือปลวกมอดไม่กิน เนื่องจากมีน้ำมันธรรมชาติที่ปลวกไม่ชอบ ราคา 35,000-55,000 บาทต่อลูกบาศก์เมตร

2. ไม้มะค่า – ความสวยงามระดับพรีเมี่ยม

  ไม้มะค่าเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความแข็งแรงสูง เนื้อไม้มีความหยาบแต่พื้นผิวราบเรียบ ลวดลายสวยงามคล้ายไม้สักทองพม่า เนื้อไม้สีส้มอบแดง สีจะเข้มขึ้นตามอายุการใช้งาน ทนต่อปลวก มอด ความชื้น และเชื้อรา อายุการใช้งาน 50-60 ปีขึ้นไป ราคา 30,000-45,000 บาทต่อลูกบาศก์เมตร

3. ไม้แดง – ความแข็งแรงเหนือระดับ

  ไม้แดงมีเนื้อไม้แข็งแน่น สีน้ำตาลแดงเรื่อ ลายเส้นสีเข้มสวยงาม เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น พื้นไม้ วงกบ แต่ไม่ไม่แนะนำให้ใช้ทำประตูเพราะเนื้อไม้ดูดซับความชื้นได้ดี จึงต้องระวังการบวมและแตกร้าว ราคา 25,000-35,000 บาทต่อลูกบาศก์เมตร

4. ไม้เต็ง – แชมป์ความแข็งแรง

  ไม้เต็งเป็นไม้เนื้อแข็งที่แข็งแรงที่สุดในบรรดาไม้ไทย มีแรงประลัยในการหักสูงกว่า 1,000 กก./ตร.ซม. ตอนแรกไม้จะออกสีเหลืองอมเขียวแต่หลังโดนแดดจะค่อยๆปรับเนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม หน้าไม้จะมีรอยแตกลายงาเป็นริ้วๆบ้างและมีรูมอด ไม่เหมาะกับการใช้งานภายในอาคารที่เน้นความสวยงาม แต่เหมาะสำหรับงานโครงสร้าง และงานที่ใช้ตกแต่งภายนอกที่เน้นความคงทนแข็งแรง และใช้งานได้ยาวนาน ราคา 18,000-28,000 บาทต่อลูกบาศก์เมตร

พื้นไม้เนื้อแข็งตะแบก

5. ไม้ตะแบก – นักแสดงตัวจริง

  ไม้ตะแบกเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง สีขาวเทาหรือน้ำตาลอมเหลืองอ่อน สีจะไม้เท่ากันในแต่ละท่อน ลายคล้ายไม้สักแต่เบากว่า ปลวกมอดไม่กิน จุดเด่นคือสามารถย้อมสีได้แทบทุกสี เหมาะสำหรับงานตกแต่งทั้งแนวโมเดิร์นและคลาสสิก ราคา 22,000-32,000 บาทต่อลูกบาศก์เมตร

6. ไม้ตะเคียน – นักสู้แสงแดด

  ไม้ตะเคียนมีความทนทานสูงต่อสภาพแวดล้อม เหมาะกับงานภายนอกอาคาร สีเหลืองทองที่จะกลายเป็นน้ำตาลเข้มเมื่อผ่านเวลา หน้าไม้จะมีรอยแตกลายงาเป็นริ้วๆบ้างและมีรูมอด นิยมใช้ทำวงกบ พื้นไม้ภานอก และต่อเรือ มีความแข็งแรงระดับกลาง ราคา 20,000-30,000 บาทต่อลูกบาศก์เมตร

7. ไม้สะเดา – เซียนประหยัด

  ไม้สะเดาเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง สีขาวอมชมพู สามารถทำสีอ่อนหรือย้อมเข้มได้ ปลวกมอดไม่กิน ราคาย่อมเยาที่สุดแต่มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับงานประตูภายในอาคาร ราคา 15,000-22,000 บาทต่อลูกบาศก์เมตร

การเลือกใช้ไม้เนื้อแข็งให้เหมาะสมกับงาน

  การเลือกใช้ไม้เนื้อแข็งในไทยควรพิจารณา 3 ปัจจัยหลัก คือ ตำแหน่งการใช้งาน (ภายในหรือภายนอกอาคาร) สไตล์การตกแต่งที่ต้องการ และงบประมาณที่มี

  สำหรับงานภายนอกที่ต้องทนแดดทนฝน แนะนำไม้เต็ง ไม้แดง ไม้ตะเคียน ส่วนงานภายในที่เน้นความสวยงาม เลือกไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ตะแบก หากต้องการประหยัดงบแต่ยังได้คุณภาพ ไม้สะเดาเป็นตัวเลือกที่ดี

  ซึ่งสามารถอ่านวิธีเลือกวงกบไม้เนื้อแข็งเพิ่มเติมได้ที่ “วงกบไม้เนื้อแข็ง ทนทาน สวยงาม เลือกอย่างไรให้เหมาะกับบ้านคุณ”

เคล็ดลับการดูแลรักษาไม้เนื้อแข็งไทย

  การบำรุงรักษาไม้เนื้อแข็งที่ถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ควรทำความสะอาดด้วยผ้าชื้นเล็กน้อย หลีกเลี่ยงน้ำขัง ทาแวกซ์หรือน้ำมันไม้ทุก 6-12 เดือน และตรวจสอบความชื้นให้อยู่ในระดับ 12-15% เพื่อป้องกันการเสียหาย

พื้นไม้โอ๊ค ไม้เนื้อแข็ง

FAQ Section – คำถามที่พบบ่อย

Q: ไม้เนื้อแข็งไทยแพงกว่าไม้นำเข้าไหม?

A: ไม้เนื้อแข็งไทยมีราคาแข่งขันได้กับไม้นำเข้าคุณภาพเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อคิดรวมค่าขนส่งและความเสี่ยงจากการนำเข้า นอกจากนี้ไม้ไทยยังมีข้อได้เปรียบเรื่องความเหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศ

Q: ไม้ชนิดไหนเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก?

A: แนะนำไม้สักหรือไม้ตะแบก เพราะมีผิวเรียบไม่มีเสี้ยน ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก และมีสารธรรมชาติที่ไม่เป็นพิษ ทำความสะอาดง่าย

Q: อายุการใช้งานไม้เนื้อแข็งไทยนานเท่าไหร่?

A: ขึ้นกับการดูแลรักษา โดยเฉลี่ยไม้สักใช้ได้ 20-25 ปี ไม้มะค่า 15-20 ปี ไม้แดงและไม้เต็ง 15-18 ปี ไม้ตะแบกและไม้ตะเคียน 12-15 ปี ไม้สะเดา 10-12 ปี

 

  ไม้เนื้อแข็งในไทย 7 ชนิดนี้แต่ละชนิดมีเอกลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ไม้เนื้อแข็งที่เหมาะสมจะส่งผลต่อความสวยงาม ความทนทาน และความคุ้มค่าในระยะยาว ไม้ไทยไม่เพียงแต่มีคุณภาพเทียบเท่าไม้นำเข้า แต่ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศและรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ได้ไม้เนื้อแข็งที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด

  การเลือกใช้ไม้เนื้อแข็งในไทยต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ในการประเมินคุณสมบัติของไม้แต่ละชนิดอย่างถูกต้อง แต่ละชนิดมีจุดเด่นที่เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณที่แตกต่างกัน หากคุณกำลังมองหาไม้เนื้อแข็งคุณภาพดี 

  C&N Design พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำไม้ที่เหมาะสมกับโปรเจ็กต์ของคุณ เรามีไม้จริงทุกแผ่น ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และทีมกูรูไม้ตัวจริงคอยให้คำแนะนำ ติดต่อเราได้ที่ https://candndesign1992.com/ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม LINE ICON