ปกบทความ4

พื้นไม้จริงมี ข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง

       ไม้พื้น หนึ่งในวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นไม้พื้นประเภทใดก็ตาม ซึ่งในปัจจุบันนี้ พื้นไม้ไม่ได้มีเพียงแค่ไม้เนื้อแข็งอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งพื้นไม้เนื้อแข็ง พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ พื้นไม้ปาร์เกต์ พื้นไม้ลามิเนต เป็นต้น และพื้นไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันนั้นคงจะหนีไม่พ้น พื้นไม้เนื้อแข็งและพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ซึ่งพื้นไม้ทั้งสองประเภทมีลักษณะและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกัน

 

พื้นไม้จริง ข้อดี ข้อเสีย

พื้นไม้จริง ข้อดี ข้อเสีย

สำหรับไม้พื้นเนื้อจริง ข้อดี ข้อเสีย หลายๆท่านอาจจะพอรู้บ้างแล้ว เป็นพื้นไม้ที่ทำมาจากไม้จริงทั้งแผ่น ผ่านการแปรรูปเป็นแผ่น และมีการทำรางลิ้นเพื่อช่วยในการติดตั้งสำหรับปูพื้น มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้สัมผัสที่เรียบเนียน รู้สึกที่อบอุ่น เป็นธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันนี้ พื้นไม้เนื้อแข็งที่มักนำมาใช้จะมีตั้งแต่ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้แดง ไม้ตะแบก เป็นต้น แต่ก็ต้องบอกว่าพื้นไม้เป็นวัสดุที่มีราคาปานกลางไปถึงสูง เนื่องจากปริมาณไม้ที่ดีและมีคุณภาพนั้นหาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังต้องผ่านกระบวนการผลิตรูปแบบเฉพาะของทางโรงงาน เพื่อให้ไม้ที่ส่งถึงมือลูกค้าเป็นไม้ที่ดีที่สุด และใช้งานได้ยาวนาน

โดยจะมีชนิดไม้ให้เลือก 5 ชนิดดังนี้

ข้อดี

– สามารถเลือกสีสัน และชนิดเนื้อไม้ได้ตามต้องการ
– ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ
– สามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว

ข้อเสีย

– มีราคาปานกลางไปถึงสูง

การติดตั้ง

สำหรับการติดตั้งพื้นไม้เนื้อแข็ง
กรณีไม้ยาวไม่เกิน 150 ซม สามารถเลือกติดตั้งได้ 3 วิธี
1. หากพื้นปูนที่หน้างานมีการเทปูนขัดมันเรียบเสมอกันทั้งผืน สามารถนำพื้นไม้ไปปูทับหน้าปูนได้เลยด้วยกาวลาเท็กซ์ / กาวพียู / กาวซิก้า เรียงลายตามแพทเทินที่ต้องการ แล้วขัดทำสีเคลือบทั้งผืน
2. หากหน้าปูนไม่ได้ระดับเพียงพอ ทางหน้างานต้องปูสมาร์บอร์ด 10 มมก่อนแล้วค่อยปูพื้นไม้เนื้อแข็งตามชนิดที่เลือกด้วยกาวลาเท็กซ์ / กาวพียู / กาวซิก้า เรียงลายตามแพทเทินที่ต้องการ แล้วขัดทำสีเคลือบทั้งผืน
3. หากลูกค้าต้องการลดฝุ่นที่อาจเกิดจากการขัดปรับหน้าไม้ สามารถสั่งทำพื้นไม้ทำสีสำเร็จก่อนปูได้ โดยทางหน้างานต้องปูสมาร์บอร์ด 10 มมก่อนแล้วค่อยปูพื้นไม้เนื้อแข็งทำสีสำเร็จตามชนิดที่เลือกด้วยกาวซิก้า เรียงลายตามแพทเทินที่ต้องการ (วิธีนี้ลดระยะเวลาการติดตั้งที่หน้างานและลดการเกิดฝุ่น)

กรณีไม้ยาวเกิน 150 ซม สามารถเลือกติดตั้งได้ 3 วิธีเช่นกัน
1. ก่อนเทท๊อปปิ้งปูน ให้วางตงไม้แล้วเทปูนทับหลังเสมอระดับผิวตงไม้ ทิ้งรอกาวแห้ง 30 วัน จากนั้นสามารถนำพื้นไม้ไปปูทับหน้าปูนได้เลยด้วยกาวลาเท็กซ์ / กาวพียู / กาวซิก้า เรียงลายตามแพทเทินที่ต้องการ แล้วขัดทำสีเคลือบทั้งผืน
2. หลังขัดหน้าปูนเรียบให้ปูสมาร์ทบอร์ด 10 มม จากนั้นสามารถนำพื้นไม้ไปปูทับหน้าปูนได้เลยด้วยกาวลาเท็กซ์ / กาวพียู / กาวซิก้า เรียงลายตามแพทเทินที่ต้องการ แล้วขัดทำสีเคลือบทั้งผืน
3. หากลูกค้าต้องการลดฝุ่นที่อาจเกิดจากการขัดปรับหน้าไม้ สามารถสั่งทำพื้นไม้ทำสีสำเร็จก่อนปูได้ โดยทางหน้างานต้องปูสมาร์บอร์ด 10 มมก่อนแล้วค่อยปูพื้นไม้เนื้อแข็งทำสีสำเร็จตามชนิดที่เลือกด้วยกาวซิก้า เรียงลายตามแพทเทินที่ต้องการ (วิธีนี้ลดระยะเวลาการติดตั้งที่หน้างานและลดการเกิดฝุ่น)

การดูแลรักษา

เพื่อให้การใช้งานของพื้นไม้เนื้อแข็งได้อย่างยาวนานเต็มที่ ควรรักษาความชื้นให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะและใช้เครื่องดูดความชื้นเพื่อลดปริมาณความชื้นในอากาศ รักษาอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินไป เพราะถ้าอากาศร้อนมากๆ ก็อาจจะทำให้พื้นไม้เสียหายได้

พื้นไม้ Supersolid Engineered ข้อดี ข้อเสีย

พื้นไม้ Supersolid Engineered คือไม้ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยลดต้นทุนในการใช้พื้นไม้จริง โดยการนำผิวไม้จริง คัดเกรด A หนา 3 mm มาปิดเข้ากับไส้ไม้จริงจ๊อยประสานเพื่อช่วยในการต้านทานการบิดตัวหรือการยืดขยายของไม้ผิวหน้า ซึ่งพื้นไม้ Supersolid Engineered จะช่วยให้ผิวสัมผัสเหมือนเนื้อไม้จริงที่เราต้องการ และมีความสวยงาม
โดยส่วนประกอบของพื้นไม้ Supersolid Engineered มี 3 ชั้น
– ฐานไม้สะเดาเรียงแนวยาว
– ไส้กลางไม้มะค่าและไม้แดงเรียงแนวนอน
– ผิวไม้ตามชนิดที่ลูกค้าเลือกใช้

โดยจะมีชนิดไม้ให้เลือก 5 ชนิด ดังนี้

ข้อดี

– สามารถเลือกสีสัน และชนิดเนื้อไม้ได้ตามต้องการ
– ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติไม่ต่างกับพื้นไม้จริงเต็มแผ่น
– ในกรณีที่พื้นไม้เกิดความเสียหาย สามารถเปลี่ยนเฉพาะแผ่นได้ทันที
– สามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว

ข้อเสีย

– จำนวนครั้งในการขัดหหน้าไม้และทำสีใหม่สามารถทำได้เพียง 1 รอบ เนื่องจากพื้นไม้ Supersolid Engineered เป็นพื้นไม้ที่มีผิวหน้าค่อนข้างบาง ส่วนมากมักจะเปลี่ยนแผ่นใหม่แทน

การติดตั้ง

สำหรับการติดตั้งพื้นไม้ Supersolid Engineered สามารถทำได้ 2 วิธี
1. พื้นไม้ Supersolid Engineered ทำสีสำเร็จ ไปปูทับสมาร์บอร์ด 10 มม ที่เตรียมไว้ที่หน้างานด้วยกาวซิก้าเรียงลายตามแพทเทินที่ต้องการ
2. พื้นไม้ Supersolid Engineered แบบไม่ทำสี ไปปูทับสมาร์บอร์ด 10 มม ที่เตรียมไว้ที่หน้างานด้วยกาวซิก้าเรียงลายตามแพทเทินที่ต้องการ แล้วขัดทำสีเคลือบทั้งผืน วิธีนี้ข้อดีคือเนื้อสีปิดคลุมทุกรอยต่อไม้แต่ละแผ่น ทนความชื้นได้ดีเทียบเท่างานสมัยก่อน

การดูแลรักษา

สำหรับการดูแลรักษาพื้นไม้เอ็นจิเนียร์นั้นควรที่จะต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ หากพื้นเปียกก็ควรที่จะต้องทำความสะอาดโดยเร็วด้วยน้ำสะอาด ไม่ควรทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทุกชนิดเพราะจะทำให้พื้นไม้เสียรูปได้

ท้ายที่สุดแล้วไม้ 2 ประเภทมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รูปแบบการใช้งาน ความชอบ หรือเรื่องของภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมในพื้นที่นั้นๆ เพราะหากเรานำพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ไปใช้กับห้องหรือสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง อาจจะต้องเสียงบประมาณอันมหาศาลในการบำรุงรักษา ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนพื้นใหม่ในภายหลัง ซึ่งอาจจะไม่แตกต่างจากการลงทุนใช้พื้นไม้จริงเท่าไรนัก

หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกใช้ไม้ชนิดไหนในการปูพื้น C&N Design ร้านขายไม้พื้นและผู้ผลิตไม้ชั้นนำ มาพร้อมกับไม้พื้นหลากหลายประเภทให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นไม้เนื้อแข็งหรือพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ทั้งนี้การติดตั้งและการปูพื้นไม้จาก C&N Design เราบริการครบทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ และพร้อมให้คำแนะนำถึงวิธีการเลือกไม้ทุกประเภท เพื่อให้คุณได้รับสินค้าที่ดีที่สุดและตรงความต้องการ สามารถขอรับคำปรึกษาเพิ่มเติมหรือสอบถามเรื่องราคากับเราได้ทันที

ลูกค้ามักดูสินค้านี้เพิ่มเติม