การปูพื้นไม้เป็นหนึ่งในการตกแต่งบ้านที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ด้วยความสวยงามที่เป็นธรรมชาติและความคงทนที่ยาวนาน ทำให้การปูพื้นไม้ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับเจ้าของบ้านในปี 2024
ทำไมต้องเลือกปูพื้นไม้?
1.ความสวยงามเป็นธรรมชาติ
พื้นไม้มอบความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยลวดลายธรรมชาติที่ไม่ซ้ำกัน แต่ละแผ่นมีความพิเศษเฉพาะตัว สร้างบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลายให้กับทุกห้องในบ้าน
2.เพิ่มมูลค่าให้บ้าน
การปูพื้นไม้ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านของคุณ เมื่อถึงเวลาขายต่อ บ้านที่ปูพื้นไม้มักจะมีราคาสูงกว่าบ้านที่ใช้วัสดุปูพื้นประเภทอื่น
3.ระบบเสียงและความอบอุ่น
พื้นไม้ช่วยลดเสียงสะท้อนภายในห้อง ทำให้บรรยากาศในบ้านเงียบสงบมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นฉนวนธรรมชาติที่ช่วยรักษาอุณหภูมิภายในบ้านให้อบอุ่นในหน้าหนาว และเย็นสบายในหน้าร้อน
ประเภทของพื้นไม้ที่นิยม
1.ไม้สักทองพม่า
ไม้สักทองพม่าคือไม้ที่ดีที่สุดจนเรียกได้ว่าเป็น KING OF WOODS เลยก็ว่าได้ ไม้ชนิดนี้มีความแข็งแรงทนทาน มียางไม้ที่ดี ป้องกันปลวกมอดได้ และลวดลายสวยงาม เป็นไม้ยอดนิยมสำหรับการปูพื้นและทำงานไม้ประเภทอื่นได้ทุกอย่าง แม้ราคาจะค่อนข้างสูง แต่ความคงทนที่ยาวนานทำให้คุ้มค่ากับการลงทุน
2.ไม้มะค่า
ไม้มะค่ามีสีส้มอมแดงที่โดดเด่น ลายไม้ชัดเจน ปลวกมอดไม่กิน เหมาะสำหรับใช้งานปูพื้นในบ้าน และพื้นภายนอกอาคาร เพราะนอกจากไม้จะมีสีสันที่สวยงามโดดเด่นแล้วยังมีความแข็งของเซลไม้และมียางไม้ที่ดี ช่วยให้สามารถใช้งานได้หลายหลายรูปแบบ
3.ไม้แดง
ไม้แดงมีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อปลวก ทนแดดและฝน เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งภายในและภายนอก สีแดงอมน้ำตาลเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกหนักแน่น สุขุม
4.ไม้โอ๊ค
ไม้โอ๊คเป็นไม้ที่มาจากทางอเมริกาและทางยุโรปที่มีภูมิอากาศแห้งและเย็น เมื่อนำมาใช้ในไทยที่มีอากาศร้อนชื้น เซลล์ไม้อาจไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่ด้วยความที่ไม้โอ๊คนี้มีสีอ่อนขาวอมเหลืองซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับนักแต่งบ้านสไตล์นอดิก สไตล์โมเดิร์น และสไตล์มูจิ ที่ต้องการคุมโทนบ้านให้เป็นโทนสว่าง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกหยิบมาใช้งานในหลายหลายรูปแบบ อย่างเช่นงานพื้นไม้นี้ การเลือกใช้พื้นไม้โอ๊คเอนจิเนียร์จะตอบโจทย์การใช้งานในไทยมากกว่าการใช้งานแบบไม้จริงเต็มแผ่น เนื่องจากเราจะใช้ประโยชน์จากไม้โอ๊คเฉพาะความสวยงานและสีสันของไม้โอ๊คเท่านั้น ส่วนความแข็งแรงในส่วนของโครงสร้างให้เป็นหน้าที่ของไม้ไส้ไม้ในการคงสภาพได้ดีแทน
เทคนิคการเลือกปูพื้นไม้คุณภาพ
1.ตรวจสอบความหนา
ความหนาของไม้มีผลต่อความแข็งแรงและอายุการใช้งาน สำหรับพื้นไม้จริงเต็มแผ่น จะมีความหนา มาตรฐานอยู่ที่ 18 มิลลิเมตร และสำหรับพื้นไม้ supersolid engineered จะมีความหนามาตรฐานอยู่ที่ 14 มิลลิเมตร
2.สังเกตลายไม้
ลายไม้ไม่มีซ้ำกัน สีอาจมีเข้มอ่อนต่างกันบ้างเล็กน้อยแลดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีตำหนิหรือรอยแตกร้าว การเรียงตัวของเสี้ยนไม้มีความแน่น หลีกเลี่ยงไม้ที่มีตาไม้หรือรอยผุกระจายอยู่
3.ความชื้น
เลือกไม้ที่ผ่านการอบแห้งมาแล้วโดยจะมีความชื้นเฉลี่ยอยู่ที่ 12-17%ซึ่งจะใกล้เคียงกับความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศเมืองไทย จะทำให้ไม้มีความสเถียรและคงสถาพเดิมได้ดี ช่วยป้องกันการบวมน้ำและการโก่งตัวในระยะยาว
ขั้นตอนการปูพื้นไม้ที่ถูกต้อง
ก่อนอื่นจะต้องขอแบ่งการปูพื้นเป็น 2 วิธี
1 กรณีปูพื้นไม้ทำสีสำเร็จ
1.1. เตรียมพื้นผิว
– ปรับระดับพื้นคอนกรีตด้วยการขัดเรียบให้ได้ระดับเท่ากันทั้งผืน
– ทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากฝุ่นและคราบสกปรก
– ตรวจสอบความชื้นของพื้นคอนกรีตต้องไม่เกิน 5%
(กรณีต้องการปูพื้นที่ชั้น 1 ต้องใช้แผ่นพลาสติกกันความชื้นรองพื้นก่อนเทคอนกรีต และยกระดับพื้นห่างจากระดับดินไม่น้อยกว่า 1เมตร)
1.2. เลือกวัสดุรอง
– ใช้สมาร์ทบอร์ด หรือวีว่าบอร์ด หนา 10 มิลลิเมตรปูรอบพื้นเพื่อปรับระดับให้เรียบที่สุดด้วยกาวลาเท็ก แล้วทิ้งไว้ 10-15 วันให้กาวแห้งสนิท
1.3.ปูพื้นไม้
– วางแนวไม้ก่อนเริ่มปูจริง เพื่อเช็คระยะและให้เห็นภาพรวมก่อนติดตั้ง
– ปูไม้ด้วยกาวพียูและยิงล๊อคที่ข้างไม้
– เว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 3-5 มิลลิเมตร
– ตรวจสอบระดับทุกแผ่นขณะปู
2 กรณีปูพื้นไม้แล้วขัดทำสีที่หน้างาน
2.1 กรณีไม้ยาวไม่เกิน 120 เซนติเมตร
– ปรับระดับพื้นคอนกรีตด้วยการขัดมันเรียบให้ได้ระดับเท่ากันทั้งผืน แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 30 วันให้มีความชื้นไม่เกิน 5%
– จัดเรียงแนวปูพื้นไม้ก่อนเริ่มงาน เพื่อเช็คระยะและให้เห็นภาพรวมก่อนติดตั้ง
– ปูไม้ด้วยกาวพียูและยิงล๊อคที่ข้างไม้ เว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 7-10 มิลลิเมตร ทิ้งไว้ 15 วัน แล้วค่อยเข้าขัดทำสีพื้นไม้เพื่อจบงาน
2.2 กรณีไม้ยาวเกิน 120 เซนติเมตรขึ้นไป
– ปรับระดับพื้นคอนกรีตด้วยการขัดเรียบให้ได้ระดับเท่ากันทั้งผืน แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 30 วันให้มีความชื้นไม่เกิน 5% แล้วใช้สมาร์ทบอร์ด หรือวีว่าบอร์ด หนา 10 มิลลิเมตรปูรอบพื้นเพื่อปรับระดับให้เรียบที่สุดด้วยกาวลาเท็ก แล้วทิ้งไว้ 10-15 วันให้กาวแห้งสนิท
– หรือหลังเทพื้นเสร็จแล้ว ปรับระดับด้วยตงไม้จริง แล้วเทปูนทับหลังเสมอระดับตงไม้ ทิ้งรอกาวแห้ง 30 วัน ให้มีความชื้นไม่เกิน 5%
– จัดเรียงแนวปูพื้นไม้ก่อนเริ่มงาน เพื่อเช็คระยะและให้เห็นภาพรวมก่อนติดตั้ง
– ปูไม้ด้วยกาวพียูและยิงล๊อคที่ข้างไม้ เว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 7-10 มิลลิเมตร ทิ้งไว้ 15 วัน แล้วค่อยเข้าขัดทำสีพื้นไม้เพื่อจบงาน
การดูแลรักษาพื้นไม้
1.ทำความสะอาด
– เช็ดถูพื้นด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เป็นประจำ
– หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไป
– ใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับพื้นไม้โดยเฉพาะ
2.การขัดเงา
– ขัดเงาพื้นไม้ทุก 6-12 เดือน
– เลือกน้ำยาขัดเงาที่เหมาะกับชนิดของไม้
– ขัดตามเสี้ยนไม้เพื่อความสวยงาม
3.การซ่อมแซม
– ซ่อมรอยขีดข่วนทันทีที่พบเห็น
– เปลี่ยนแผ่นไม้ที่เสียหายมาก
– ตรวจสอบความชื้นและปลวกอย่างสม่ำเสมอ
อยากได้พื้นบ้านสวยคงทน ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการปูพื้นไม้ได้แล้ววันนี้ที่
- เบอร์: 062-535-4629 และ 083-994-0676
- Line: @candndesign
เรามีทีมงานมืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษาและบริการติดตั้งที่ได้มาตรฐาน รับประกันผลงาน ปูพื้นไม้สวยทนทานอยู่กับคุณไปนาน ๆ
ลูกค้ามักดูสินค้านี้เพิ่มเติม