4

ปูพื้นไม้อย่างไรให้สวยคงทน: คู่มือฉบับสมบูรณ์ปี 2024

             การปูพื้นไม้เป็นหนึ่งในการตกแต่งบ้านที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ด้วยความสวยงามที่เป็นธรรมชาติและความคงทนที่ยาวนาน ทำให้การปูพื้นไม้ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับเจ้าของบ้านในปี 2024 

ทำไมต้องเลือกปูพื้นไม้?

1.ความสวยงามเป็นธรรมชาติ

             พื้นไม้มอบความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยลวดลายธรรมชาติที่ไม่ซ้ำกัน แต่ละแผ่นมีความพิเศษเฉพาะตัว สร้างบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลายให้กับทุกห้องในบ้าน

2.เพิ่มมูลค่าให้บ้าน

             การปูพื้นไม้ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านของคุณ เมื่อถึงเวลาขายต่อ บ้านที่ปูพื้นไม้มักจะมีราคาสูงกว่าบ้านที่ใช้วัสดุปูพื้นประเภทอื่น

3.ระบบเสียงและความอบอุ่น

             พื้นไม้ช่วยลดเสียงสะท้อนภายในห้อง ทำให้บรรยากาศในบ้านเงียบสงบมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นฉนวนธรรมชาติที่ช่วยรักษาอุณหภูมิภายในบ้านให้อบอุ่นในหน้าหนาว และเย็นสบายในหน้าร้อน

ประเภทของพื้นไม้ที่นิยม

1.ไม้สักทองพม่า

             ไม้สักทองพม่าคือไม้ที่ดีที่สุดจนเรียกได้ว่าเป็น KING OF WOODS เลยก็ว่าได้ ไม้ชนิดนี้มีความแข็งแรงทนทาน มียางไม้ที่ดี ป้องกันปลวกมอดได้ และลวดลายสวยงาม เป็นไม้ยอดนิยมสำหรับการปูพื้นและทำงานไม้ประเภทอื่นได้ทุกอย่าง แม้ราคาจะค่อนข้างสูง แต่ความคงทนที่ยาวนานทำให้คุ้มค่ากับการลงทุน

2.ไม้มะค่า

ไม้มะค่ามีสีส้มอมแดงที่โดดเด่น ลายไม้ชัดเจน ปลวกมอดไม่กิน เหมาะสำหรับใช้งานปูพื้นในบ้าน และพื้นภายนอกอาคาร เพราะนอกจากไม้จะมีสีสันที่สวยงามโดดเด่นแล้วยังมีความแข็งของเซลไม้และมียางไม้ที่ดี ช่วยให้สามารถใช้งานได้หลายหลายรูปแบบ

3.ไม้แดง

             ไม้แดงมีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อปลวก ทนแดดและฝน เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งภายในและภายนอก สีแดงอมน้ำตาลเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกหนักแน่น สุขุม 

4.ไม้โอ๊ค

             ไม้โอ๊คเป็นไม้ที่มาจากทางอเมริกาและทางยุโรปที่มีภูมิอากาศแห้งและเย็น เมื่อนำมาใช้ในไทยที่มีอากาศร้อนชื้น เซลล์ไม้อาจไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่ด้วยความที่ไม้โอ๊คนี้มีสีอ่อนขาวอมเหลืองซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับนักแต่งบ้านสไตล์นอดิก สไตล์โมเดิร์น และสไตล์มูจิ ที่ต้องการคุมโทนบ้านให้เป็นโทนสว่าง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกหยิบมาใช้งานในหลายหลายรูปแบบ อย่างเช่นงานพื้นไม้นี้ การเลือกใช้พื้นไม้โอ๊คเอนจิเนียร์จะตอบโจทย์การใช้งานในไทยมากกว่าการใช้งานแบบไม้จริงเต็มแผ่น เนื่องจากเราจะใช้ประโยชน์จากไม้โอ๊คเฉพาะความสวยงานและสีสันของไม้โอ๊คเท่านั้น ส่วนความแข็งแรงในส่วนของโครงสร้างให้เป็นหน้าที่ของไม้ไส้ไม้ในการคงสภาพได้ดีแทน

เทคนิคการเลือกปูพื้นไม้คุณภาพ

1.ตรวจสอบความหนา

             ความหนาของไม้มีผลต่อความแข็งแรงและอายุการใช้งาน สำหรับพื้นไม้จริงเต็มแผ่น จะมีความหนา มาตรฐานอยู่ที่ 18 มิลลิเมตร และสำหรับพื้นไม้ supersolid engineered จะมีความหนามาตรฐานอยู่ที่ 14 มิลลิเมตร

2.สังเกตลายไม้

             ลายไม้ไม่มีซ้ำกัน สีอาจมีเข้มอ่อนต่างกันบ้างเล็กน้อยแลดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีตำหนิหรือรอยแตกร้าว การเรียงตัวของเสี้ยนไม้มีความแน่น หลีกเลี่ยงไม้ที่มีตาไม้หรือรอยผุกระจายอยู่

3.ความชื้น

             เลือกไม้ที่ผ่านการอบแห้งมาแล้วโดยจะมีความชื้นเฉลี่ยอยู่ที่ 12-17%ซึ่งจะใกล้เคียงกับความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศเมืองไทย จะทำให้ไม้มีความสเถียรและคงสถาพเดิมได้ดี ช่วยป้องกันการบวมน้ำและการโก่งตัวในระยะยาว

5 Dec In

ขั้นตอนการปูพื้นไม้ที่ถูกต้อง

ก่อนอื่นจะต้องขอแบ่งการปูพื้นเป็น 2 วิธี

1 กรณีปูพื้นไม้ทำสีสำเร็จ 

1.1. เตรียมพื้นผิว

ปรับระดับพื้นคอนกรีตด้วยการขัดเรียบให้ได้ระดับเท่ากันทั้งผืน

ทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากฝุ่นและคราบสกปรก

ตรวจสอบความชื้นของพื้นคอนกรีตต้องไม่เกิน 5%

(กรณีต้องการปูพื้นที่ชั้น 1 ต้องใช้แผ่นพลาสติกกันความชื้นรองพื้นก่อนเทคอนกรีต และยกระดับพื้นห่างจากระดับดินไม่น้อยกว่า 1เมตร)

1.2. เลือกวัสดุรอง

ใช้สมาร์ทบอร์ด หรือวีว่าบอร์ด หนา 10 มิลลิเมตรปูรอบพื้นเพื่อปรับระดับให้เรียบที่สุดด้วยกาวลาเท็ก แล้วทิ้งไว้ 10-15 วันให้กาวแห้งสนิท

1.3.ปูพื้นไม้

วางแนวไม้ก่อนเริ่มปูจริง เพื่อเช็คระยะและให้เห็นภาพรวมก่อนติดตั้ง

– ปูไม้ด้วยกาวพียูและยิงล๊อคที่ข้างไม้

เว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 3-5 มิลลิเมตร

ตรวจสอบระดับทุกแผ่นขณะปู

2 กรณีปูพื้นไม้แล้วขัดทำสีที่หน้างาน

2.1 กรณีไม้ยาวไม่เกิน 120 เซนติเมตร

– ปรับระดับพื้นคอนกรีตด้วยการขัดมันเรียบให้ได้ระดับเท่ากันทั้งผืน แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 30 วันให้มีความชื้นไม่เกิน 5%

จัดเรียงแนวปูพื้นไม้ก่อนเริ่มงาน เพื่อเช็คระยะและให้เห็นภาพรวมก่อนติดตั้ง

– ปูไม้ด้วยกาวพียูและยิงล๊อคที่ข้างไม้ เว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 7-10 มิลลิเมตร ทิ้งไว้ 15 วัน แล้วค่อยเข้าขัดทำสีพื้นไม้เพื่อจบงาน


2.2 กรณีไม้ยาวเกิน 120  เซนติเมตรขึ้นไป

– ปรับระดับพื้นคอนกรีตด้วยการขัดเรียบให้ได้ระดับเท่ากันทั้งผืน แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 30 วันให้มีความชื้นไม่เกิน 5% แล้วใช้สมาร์ทบอร์ด หรือวีว่าบอร์ด หนา 10 มิลลิเมตรปูรอบพื้นเพื่อปรับระดับให้เรียบที่สุดด้วยกาวลาเท็ก แล้วทิ้งไว้ 10-15 วันให้กาวแห้งสนิท

– หรือหลังเทพื้นเสร็จแล้ว ปรับระดับด้วยตงไม้จริง แล้วเทปูนทับหลังเสมอระดับตงไม้ ทิ้งรอกาวแห้ง 30 วัน ให้มีความชื้นไม่เกิน 5%

–  จัดเรียงแนวปูพื้นไม้ก่อนเริ่มงาน เพื่อเช็คระยะและให้เห็นภาพรวมก่อนติดตั้ง

– ปูไม้ด้วยกาวพียูและยิงล๊อคที่ข้างไม้ เว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 7-10 มิลลิเมตร ทิ้งไว้ 15 วัน แล้วค่อยเข้าขัดทำสีพื้นไม้เพื่อจบงาน

การดูแลรักษาพื้นไม้

1.ทำความสะอาด

เช็ดถูพื้นด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เป็นประจำ

หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไป

ใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับพื้นไม้โดยเฉพาะ

2.การขัดเงา

ขัดเงาพื้นไม้ทุก 6-12 เดือน

เลือกน้ำยาขัดเงาที่เหมาะกับชนิดของไม้

ขัดตามเสี้ยนไม้เพื่อความสวยงาม

3.การซ่อมแซม

ซ่อมรอยขีดข่วนทันทีที่พบเห็น

เปลี่ยนแผ่นไม้ที่เสียหายมาก

ตรวจสอบความชื้นและปลวกอย่างสม่ำเสมอ

             อยากได้พื้นบ้านสวยคงทน ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการปูพื้นไม้ได้แล้ววันนี้ที่

  • เบอร์: 062-535-4629 และ 083-994-0676
  •  Line: @candndesign

             เรามีทีมงานมืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษาและบริการติดตั้งที่ได้มาตรฐาน รับประกันผลงาน ปูพื้นไม้สวยทนทานอยู่กับคุณไปนาน ๆ

IMG 7449

ลูกค้ามักดูสินค้านี้เพิ่มเติม